เปรียบเทียบ Meso fat กับ Coolshaping ควรเลือกสลายไขมัน กระชับสัดส่วน แบบไหนดี ?
- Innovation Beauty
- May 28, 2024
- 1 min read

ปัญหาไขมันสะสม เป็นสิ่งที่หลายคนกังวล ส่งผลต่อรูปร่าง หน้าตา และความมั่นใจ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยสลายไขมัน กระชับสัดส่วน สองวิธีที่ได้รับความนิยม คือ การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) และ การสลายไขมันด้วยความเย็น (Coolshaping) แต่ละวิธีมีทั้งข้อดี และข้อข้อเสีย บทความนี้จะช่วยเปรียบเทียบทั้งสองวิธี เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกได้อย่างเหมาะสม
เลือกหัวข้อที่สนใจอ่านตามด้านล่าง
สลายไขมันด้วย Meso Fat คือ

การฉีดยาที่ช่วยสลายไขมันลงชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งตัวยาที่ใช้ฉีดมีสารสำคัญ เช่น Phosphatidylcholine, Deoxycholate, L-Carnitine, Hyaluronic Acid ฯลฯ โดยมีหน้าที่ กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน เร่งการสลายไขมัน กระชับสัดส่วน และลดการสะสมของไขมันใหม่ ทำให้ไขมันที่ถูกสลายขับออกจากร่างกายทางระบบขับถ่าย จึงเหมาะสำหรับผู้ต้องการลดไขมัน เซลลูไลท์ และลดสัดส่วนเฉพาะจุดโดยไม่ต้องผ่าตัด
สลายไขมันด้วย Meso Fat เจ็บหรือไม่ ?
การสลายไขมันด้วย Meso Fat อาจจะรู้สึกเจ็บ เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับ บริเวณที่ฉีด ชนิดของยา และความไวต่อความเจ็บของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป บริเวณที่มีไขมันน้อย เช่น แก้ม เหนียง มักจะเจ็บน้อย และบริเวณที่มีไขมันมาก เช่น หน้าท้อง สะโพก อาจจะเจ็บมากกว่า ซึ่งหลังจากฉีดอาจจะมีรอยแดง บวม ช้ำ โดยอาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน
สลายไขมันด้วย Meso Fat เหมาะกับใคร ?
การฉีดเมโสแฟต เหมาะกับคนที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด ดังนี้
ไขมันสะสมบนใบหน้า เช่น แก้ม เหนียง คางสองชั้น ทำให้รูปหน้าดูกลม
ไขมันสะสมตามร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง สะโพก น่อง
ผู้ที่ต้องการลดไขมันแบบเร่งด่วน เห็นผลลัพธ์ไว ภายใน 5-7 วัน
ผู้ที่ต้องการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือดูดไขมัน
ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น
ผู้ที่กังวลต่อการเจ็บปวด
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดสลายไขมันด้วย Meso Fat
ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
สตรีมีครรภ์ หรือให้นมบุตร
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต
ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ระบบไหลเวียนเลือด
ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินอยู่ต่อเนื่อง
สลายไขมันด้วย Coolshaping คือ

เทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็น ใช้ในการลดไขมันในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ท้อง,สะโพก,แขน,ต้นขา และหน้าท้อง เครื่อง Coolshaping จะใช้หัวดูดสุญญากาศเพื่อดึงชั้นไขมันขึ้นมา และปล่อยความเย็น -11 องศาเซลเซียส ลงสู่เซลล์ไขมัน โดยเซลล์ไขมันจะไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น ทำให้เซลล์ไขมันตายโดยไม่ทำลายเซลล์อื่น ร่างกายจะกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกตามระบบน้ำเหลือง ส่งผลให้ไขมันส่วนเกินลดลง สัดส่วนกระชับขึ้น
ทำ Coolshaping เจ็บหรือไม่ ?
การทำ Coolshaping นั้นไม่เจ็บ โดยทั่วไปแล้วจะรู้สึกแค่ เย็นๆ ตึงๆ บริเวณที่ทำ อาจจะมี ชา เล็กน้อยในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็จะรู้สึกปกติ
อย่างไรก็ตาม อาจจะมี อาการปวดตึง บวมแดง ช้ำ บริเวณที่ทำหลังจากการรักษา ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆ บรรเทาลงภายใน 1-2 สัปดาห์
Coolshaping เหมาะกับใคร ?
Coolshaping เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด ดังนี้
หน้าท้อง: ลดหน้าท้องทั้งส่วนบนและส่วนล่าง
เอว: ลดเอวให้คอด
สะโพก: ลดสะโพกให้เล็กลง
ต้นแขน: ลดไขมันสะสมบริเวณต้นแขน
ต้นขา: ลดไขมันสะสมบริเวณต้นขา
ใต้คาง: ลดเหนียงและกรอบหน้าให้ชัดขึ้น
มีค่า BMI ไม่เกิน 30
เคยพยายามลดไขมันด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายมาแล้ว แต่ไขมันส่วนเกินยังไม่ลดลง
ต้องการวิธีลดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด
ไม่ต้องการพักฟื้นนาน
ใครบ้างที่ไม่ควรสลายไขมันด้วยความเย็น Coolshaping
โรคแพ้ความเย็น เช่น ลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น
ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก
ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ
ผู้ที่มีรอยแผลเป็น keloid
เปรียบเทียบความต่าง ระหว่าง Meso fat กับ Coolshaping

สรุปควรเลือกหัตถการแบบไหนดี ?
สำหรับผู้ที่ต้องการสลายไขมันบริเวณใบหน้า เหนียง
หากต้องการสลายไขมันบริเวณใบหน้า แก้ม เหนียง ให้ใบหน้าเรียวกระชับ วีเชฟ การฉีดเมโสแฟตเป็นวิธีสลายไขมันที่เหมาะมากกว่า เนื่องจาก Coolshaping มักนิยมใช้ในการสลายไขมันบริเวณร่างกายที่มีไขมันเยอะ นอกจากนี้ การฉีดเมโสแฟตมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เห็นผลได้รวดเร็วมากกว่าอีกด้วย
สำหรับผู้ที่ต้องการสลายไขมันบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเยอะ ไม่เหมาะกับการฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมัน เนื่องจากอาจต้องใช้เมโสแฟตในปริมาณที่มาก อีกทั้งได้ผลลัพธ์ไม่ยืนยาว สำหรับผู้ที่อยากกำจัดไขมันเฉพาะจุดตามร่างกาย และได้ผลลัพธ์ที่ยืนยาว จึงเหมาะกับการสลายไขมันด้วย Coolshaping มากกว่า
Comentarios