google-site-verification=9VOZgimJANsgs_Dq-9l_ihQZYb13BCS2pPhLfPJhbIU
top of page

รู้ก่อนใช้ AHA/BHA ต่างกันอย่างไร ? ควรเลือกใช้ตัวไหนให้เหมาะกับผิว!


รู้ก่อนใช้ AHA/BHA ต่างกันอย่างไร ? ควรเลือกใช้ตัวไหนให้เหมาะกับผิว!

สาว ๆ หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับกรดผลัดเซลล์ผิว หรือ AHA/BHA กันมาบ้างแล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่า กรดทั้งสองชนิดนี้ มีกลไกการทำงานที่ต่างกัน และเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน

บทความนี้ จะมาไขข้อสงสัยให้สาว ๆ ได้เข้าใจความแตกต่างระหว่าง AHA และ BHA อย่างละเอียด พร้อมทั้งแนะนำวิธีเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว เพื่อผลลัพธ์ผิวสวยใสไร้ปัญหา!


เลือกหัวข้อที่สนใจอ่านตามด้านล่าง




AHA และ BHA คืออะไร? มาทำความรู้จักกันก่อน


Alpha Hydroxy Acid (AHA) เป็นสารเคมีกลุ่มอัลฟ่าไฮดรอกซี่ มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ สามารถละลายได้ดีในน้ำ โดยทั่วไป AHA ช่วยลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตาย และกระตุ้นการผลัดเซลล์ใหม่ขึ้นมา ทำให้ผิวหน้าดูสดใส ละเอียดเนียน และมีสุขภาพดีขึ้น


กรดในAHA มีอะไรบ้าง

  • กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) สกัดจากอ้อย มีโมเลกุลเล็กที่สุด ซึมลึกสู่ผิวได้ดี ผลัดเซลล์ผิวได้เร็ว เหมาะกับผิวมัน ผิวที่มีริ้วรอย

  • กรดแลกติก (Lactic Acid) สกัดจากนมเปรี้ยว มีฤทธิ์อ่อนโยน เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง

  • กรดมาลิก (Malic Acid) สกัดจากแอปเปิ้ล มะนาว มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เหมาะกับทุกสภาพผิว

  • กรดซิตริก (Citric Acid) สกัดจากมะนาว ส้ม มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว ปรับสีผิวให้สว่างใส เหมาะกับทุกสภาพผิว

  • กรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) สกัดจากองุ่น มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว กระชับผิว เหมาะกับทุกสภาพผิว


Beta Hydroxy Acid (BHA) สารประกอบหลัก คือ กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) โดยทั่วไป BHA ช่วยลดการสะสมของน้ำมันที่ติดอยู่ในรูขุมขน และช่วยลดการอุดตันของแบคทีเรีย ทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดสิว นอกจากนี้ BHA ยังมีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบของสิว และลดการติดเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขนได้


ความเหมือนของ AHA และ BHA 

  • ผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่สุขภาพดีขึ้น

  • ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น เช่น รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ

  • ผิวรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ดูจางลง

  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน


ความแตกต่างของ AHA และ BHA

AHA (Alpha Hydroxy Acids) มีความเข้นข้นสูง มีฤทธิ์ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอได้ดีกว่า เหมาะที่จะใช้หลังจากถูกแดดทำร้ายในแต่ละวันเพื่อกู้สีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น และใช้ลดเลือนริ้วรอยต่างๆให้จางลง

BHA (Beta Hydroxy Acids) มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย จึงเหมาะที่จะเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ของผู้มีผิวเป็นสิว ช่วยลดความมันบนใบหน้า และทำความสะอาดสิ่งอุดตันต่างๆบนรูขุมขน ทำให้รู้ขุมขนกระชับขึ้น


คุณสมบัติของ AHA และ BHA 


คุณสมบัติของ AHA และ BHA 

AHA กับ BHA เหมาะกับผิวแบบไหน ?


AHA กับ BHA เหมาะกับผิวแบบไหน ?

ความเข้มข้นของ AHA เเละ BHA

ความเข้มข้นของ AHA ทั่วไปอยู่ที่ 5% ถึง 20%

  • 5-10%: เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ผิวเริ่มต้นใช้ AHA

  • 10-15%: เหมาะสำหรับผิวทั่วไป ผิวเริ่มคุ้นเคยกับ AHA

  • 15-20%: เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการผลัดเซลล์ผิวอย่างล้ำลึกให้ผิวระคายเคือง 


ความเข้มข้นของ BHA ทั่วไปอยู่ที่ 0.5% ถึง 2%

  • 0.5-1%: เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ผิวเริ่มต้นใช้ BHA

  • 1-2%: เหมาะสำหรับผิวทั่วไป ผิวเริ่มคุ้นเคยกับ BHA

  • 2%: เหมาะสำหรับผิวมัน ผิวที่มีสิวอุดตัน สิวหัวดำ


AHA ไม่ควรใช้คู่กับอะไร

  • BHA เพราะทำให้ผิวยิ่งแห้งลอกง่าย ไม่แข็งแรง

  • Vitamin C เพราะทำให้ผิวเสียสมดุล ได้คุณค่าจากส่วนผสมได้ไม่เต็มที่

  • Vitamin B3 เพราะทำให้วิตามิน บี3 ทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร

  • เรตินอล (Retinol) ทำให้เกิด รอยแดง แสบร้อน ลอก

  • เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) การใช้ AHA ร่วมกับเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ อาจทำให้ผิว แห้ง ผิวสูญเสียน้ำ


BHA ไม่ควรใช้คู่กับอะไร

  • AHA เพราะทำให้ผิวยิ่งแห้งลอกง่าย ไม่แข็งแรง

  • Vitamin C เพราะทำให้ผิวเสียสมดุล ได้คุณค่าจากส่วนผสมได้ไม่เต็มที่

  • เรตินอล (Retinol) การใช้ร่วมกับ BHA อาจทำให้ผิวระคายเคือง แสบแดง ลอก

  • เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) การใช้ร่วมกับ BHA อาจทำให้ผิวแห้ง ลอก ระคายเคือง


AHA และ BHA ใช้คู่กับอะไรได้ดี

AHA และ BHA ใช้ได้ดีกับ Ceramide เพราะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว ลดการระคายเคือง ล็อกความชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิว และที่สำคัญควรใช้ครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดดเพื่อปกป้องผิวจากการโดนแดดทำร้าย เพราะการใช้กรดมีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว มักทำให้ผิวบอบบาง และไวต่อแสงแดด


AHA ควรใช้อย่างไร และเมื่อไหร่ 

หากมีปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ แนะนำให้ใช้ AHA หากเป็นคนที่ผิวแพ้ง่ายควรใช้ AHA เพียง 1 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น ส่วนสภาพผิวอื่นๆ ควรใช้ทุก ๆ 2 วัน และที่สำคัญควรใช้เฉพาะกลางคืน และอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันการผลัดเซลล์ผิวในระหว่างวันด้วยนะคะ


BHA ควรใช้อย่างไร และเมื่อไหร่ 

สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี BHA ได้ทุกวัน แต่ปริมาณการใช้ BHA จะแตกต่างไปตามสภาพผิว หากมีผิวบอบบางแพ้ง่าย การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic acid 0.5% ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ส่วนสภาพผิวอื่นๆ จะเลือกใช้แบบ 2% หรือมากกว่านั้นก็ได้ และเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ง่ายขึ้นก็แนะนำให้ใช้ช่วงกลางคืน และอย่าลืมทาครีมกันแดดในตอนเช้าร่วมด้วยนะคะ 



Comments


bottom of page